ระวัง! ไวรัส RSV ในเด็กเล็ก 

คล้ายไข้หวัด..แต่อันตราย ถึงชีวิต!!!!

 

        เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว ร่างกายจะมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และหนึ่งโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV มักจะระบาดสูงในช่วงฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งเหมือนจะเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา แต่ก็ไม่ควรประมาท เพราะโรค RSV อันตรายถึงแก่ชีวิต!!!

        เชื่อว่าใครที่เป็นคุณพ่อ คุณแม่ คงจะรู้จักกับโรค RSV กันไม่น้อย แต่ก็คงคาดไม่ถึงว่าโรคนี้จะมีความรุนแรงได้ถึงในระดับไหน เพราะถ้ามองเผินๆก็เหมือนแค่ไข้หวัดปกตินี่นา แต่เชื่อหรือไม่? ว่า..โรคนี้ก็สามารถพรากชีวิตมาหลายชีวิตแล้ว

 วันนี้ ANC จะพาทุกคนมาเรามารู้จักไวรัส RSV กันค่ะ

        ไวรัส RSV  หรือ ที่มีชื่อเรียกเต็มๆก็คือ (Respiratory Syncytial Virus) เป็นเชื้อไวรัสชนิดที่มีลักษณะเปลือกหุ้ม ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจ สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็ก ๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี มักจะมีการแพร่ระบาดค่อนข้างรวดเร็ว และพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว

 

        การติดต่อของเชื้อ RSV สามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัส ซึ่งหากเด็กได้รับเชื้อ ระยะฟักตัวจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน โดยในช่วง 2 – 4 วันแรกมักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ , จาม ,  น้ำมูกไหล จนผู้ปกครองมองข้าม แต่ถ้าเมื่อทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ก็จะทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการขั้นรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมาก ๆ 

 

       อาการที่ต้องเฝ้าระวัง หากมีไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (Wheezing) รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว อาการเหล่านี้จะมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง

        ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อไวรัส RSV โดยตรง แต่ใช้วิธีการรักษาตามอาการเหมือนโรคโควิด เช่น การให้ยาลดไข้ แก้ไอละลายเสมหะ ในเด็กบางรายที่มีเสมหะเหนียวมาก ต้องทำการพ่นยาขยายหลอดลมผ่านทางออกซิเจนละอองฝอย เคาะปอด และดูดเสมหะออก จะช่วยลดความรุนแรงของอาการไอและอาการหายใจหอบเหนื่อยได้

 

โรค RSV ใช้เวลาในการฟื้นไข้ประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดอาการได้ตั้งแต่ไข้หวัดธรรมดา รวมถึงอาการรุนแรงเป็นปอดบวมซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตลูกน้อย และเชื้อไวรัสนี้มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้อีกหากร่างกายอ่อนแอ

 

        วิธีการป้องกันการติดเชื้อ RSV ทำได้โดยการรักษาความสะอาด ผู้ปกครองควรดูแลความสะอาดให้ดี หมั่นล้างมือตัวเองและลูกน้อยบ่อย ๆ เพราะการล้างมือสามารถลดเชื้อที่ติดมากับมือทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 70 ควรรับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะครบ 5 หมู่ และให้เด็กพักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อมีการมื่อไอ-จาม ควรปิดปากจมูก และหลีกเลี่ยงในการสัมผัส

ทำความสะอาดของเล่นและสิ่งของที่ใช้ร่วมกันให้สะอาดอยู่เสมอ

อยู่สถานที่ในอากาศที่ถ่ายเท ไม่ควรอยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา

ปกติแล้วในผู้ใหญ่มักไม่ติดเชื้อโรคนี้ เพราะมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอ แต่ผู้ใหญ่มีโอกาสสัมผัสเชื้อนี้ได้ และหากไม่ล้างมือให้สะอาดก็อาจทำให้เด็กเล็กติดเชื้อจากผู้ใหญ่ได้อีกทีนึง

 

        วันนี้ ANC ก็พาทุกท่านมารู้จักกับโรค RSV กันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ทั้งนั้นโรค RSV นอกจากจะเป็น 1 โรคร้ายที่ระบาดหนักในเด็กเล็กแล้วยังมีหลายโรคที่ยังพบในเด็กอีกเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นโรคมือเท้าปาก , โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคอื่นๆอีกมากมาย เพราะเด็กเล็กมักมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าผู้ใหญ่ การเข้าโรงพยาบาลแต่ละที ก็คงไม่พ้นค่ารักษาพยาบาลที่ข้างสูง หากไม่มีประกัน เหล่าคุณพ่อคุณแม่ต้องกุมขมับแน่นอนค่ะ

        การทำประกันให้ลูกน้อยจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการที่จะให้ประกันเข้ามาช่วยในการดูแลจัดการบริหารความเสี่ยงต่างๆ รวมถึงแบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับคุณพ่อคุณแม่

 

        ยอมจ่ายเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว ที่ได้รับความคุ้มครองตลอดหนึ่งปีเต็มตลอดจนหมดอายุสัญญา

ซึ่งทาง ANC มีแผนประกันที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดในตอนนี้ ด้วย”ประกันสุขภาพเด็กเฉพาะโรค” ที่ไม่ได้ให้เพียงความคุ้มครองค่าห้อง ค่ารักษาเท่านั้น แต่ยังมีความคุ้มครองพิเศษจากอุบัติเหตุเพิ่มเติมอีกด้วย

หากสนใจแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ท่านสามารถเลือกดูแผนประกันที่ท่านต้องการก่อนทำการสั่งซื้อได้ที่ >> https://bit.ly/3deJTOT
หรือสามารถเลือกดูแผนประกันอื่นๆ >> https://bit.ly/3eLK8RL

 

 ขอขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ

Write A Comment